วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554


-โคลน100%ลีกลงไปในใต้พื้นพิภพปฐพี ลี้ลับด้วยทะเลสาบใต้ดินที่แท้คือสายน้ำแร่อันทรงคุณค่าที่มนุษย์ค้นหา และพบว่าตะกอนโคลนที่ปนเปื้อนมากับน้ำใต้พิภพนั้นช่วยสร้างสรรค์ผิวพรรณให้ผุดผ่อง และช่วยการหมุนเวียนของโลหิตให้ชีวิตสดใสใครเลยจะรู้ว่า ทั้งปฐพีมีแหล่งโคลนเช่นนี้อยู่เพียงสามแห่งเท่านั้นในโลก และหนึ่งในสามแหล่งนั้น นั่นคือ ภูโคลน แหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย...ภูโคลน จ.แม่ฮ่องสอนจากแหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย ภูโคลน สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากธรรมชาติสำหรับคุณ ภูโคลนคือแหล่งน้ำแร่และโคลนธรรมชาติ ที่มาจากสายน้ำแร่ใต้พื้นดินที่มีความร้อนตั้งแต่ 60-140 องศาเซลเซียส เป็นโคลนเดือดบริสุทธิ์สีดำที่ขึ้นมาพร้อมกับสายน้ำแร่ธรรมชาติที่สะอาดไม่มีกลิ่นของกำมะถันซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง และระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์คุณสมบัติโคลนสุขภาพ ใช้เพื่อผิวพรรณที่สะอาดใส เนียนนุ่มโดยมีคุณสมบัติสามารถดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ติดตามรูขุมขนอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด สิว สิวเสี้ยน และริ้วรอยหมองคล้ำอีกทั้งส่วนผสมของแร่ธาตุที่สำคัญยังเป็นอาหารบำรุงเซลล์ผิวและช่วยกระตุ้นให้เซลส์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อหน้าไม่มันปัญรายละเอียด คำแนะนำและวิธีใช้โคลนสุขภาพ เพื่อผิวพรรณสะอาดใส เนียนนุ่มและคงความชุ่มชื้นของสภาพผิวสู่สมดุลธรรมชาติ และยังสามารถดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ติดตามรูขุมขนอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนและสิวอักเสบต่างๆ และริ้วรอยหมองคล้ำอีกทั้งส่วนผสมของแร่ธาตุที่สำคัญยังเป็นอาหารบำรุงเซลส์ผิวและช่วยกระตุ้นเซลส์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโคลนสุขภาพ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%ไม่มีส่วนผสมหรือแต่งเติมสารสังเคราะห์ของสารเคมีใดๆ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิววิธีใช้ 1. เตรียมส่วนผสมโคลน ลาโบเต้ 1 ช้อนชา เตรียมโยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่มีผลไม้เจือปน 2 - 3 ช้อนชา นำโคลน ลาโบเต้ ผสมกับโยเกิตคนให้เข้ากัน (อาจใช้สมุนไพรไทย นำผึ้ง มะนาว หรือผักผลไม้ ปั่นเช่น แครอท ว่านหางจระเข้ ,แตงกวา )2. ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วนำโคลน ที่ผสมไว้ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ให้แห้งนานประมาณ 15 – 20 นาที3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด**สำหรับผิวแห้งควรใช้เฉพาะโยเกิตพอกหน้าอีกครั้งทิ้งไว้นานประมาณ 10 –15นาที4.ล้างออกด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรใช้น้ำแร่ธรรมชาติ ลาโบเต้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพความสมดุลของผิวคำแนะนำการใช้ ผิวหน้าที่มีสภาพมันควรใช้ผลิตภัณฑ์ สัปดาห์ละ 2 ครั้งผิวหน้าที่มีสภาพปกติควรใช้ผลิตภัณฑ์ สัปดาห์ละ 1 ครั้งผิวหน้าที่มีสภาพแห้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง
ทนาคา" พาสวยด้วยสมุนไพรสืบตำนานโบราณ... เน้นงามแบบผิวพม่าฯถ้าเป็นสมุนไพรไทยที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายหลาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ สามารถผสม *น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ด่างดำ)*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มเนียน)*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)เมื่อบดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"วิธีใช้ เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง
มังคุด"ผลไม้ที่ถูกยกย่องให้เป็น ราชินีของผลไม้ แต่นอกเหนือจากความอร่อยของเนื้อในมังคุดแล้ว เปลือกของมังคุดนั้น คนไทยเรายังได้รู้จักนำเอาเปลือกไปใช้ประโยชน์เป็นยารักษาโรคมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาเปลือกมังคุดมาใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง สรรพคุณที่โดดเด่นของเปลือกมังคุดที่เรารู้จักใช้กันมานานคือการใช้เปลือกมังคุดในการรักษาโรคผิว สิวต่างๆ บรรเทาอาการผดผื่น โดยใช้เปลือกมังคุดแห้งมาต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดทาบริเวณที่มีอาการ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เอง เปลือกมังคุดจึงถูกดึงมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ที่ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง สบู่รักษาสิวฝ้า ซึ่งเป็นที่นิยมจริงๆแล้วเปลือกมังคุดได้รับการพิสูจน์และยืนยัน จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin)ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซนโทน(Xanthon)ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้ และสารที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า แมงโกสติน (Mangostin) มีฤทธืช่วยลดการอักเสบ และต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองผลวิจัยจะพบว่าเปลือกมังคุด เปลือกทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และพบว่าเปลือกมังคุดประกอบด้วยสารธรรมชาติ GM-1 ซึ่งมี คุณสมบัติเด่น 4 ประการ คือ1. ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว2. ต้านการอักเสบ3. ต้านอนุมูลอิสระ4. ช่วยสมานผิว กระชับรูขุมขนวิธีใช้ ใช้ ผสมน้ำเปล่าเท่านั้นอย่าให้ข้นหรือใสเกินไป พอกหน้าจนแห้งแล้วล้างออก หรือแต้มหัวสิวหนอง ยุบทันใจใน1-2วัน

สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสิว

สิวเป็นโรคเรื้อรัง พบบ่อยมากเป็นอันดับต้นๆ ของปัญหาโรคผิวหนัง มักเป็นในวัยรุ่น แต่บางครั้งเลยวัยรุ่นไปแล้วก็อาจเป็นได้ ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นสิวคือ เป็นเม็ดสิวอุดตันที่เรียกกันว่า คอมมิโดน ถ้าเป็นเม็ดนูนเล็กๆ ไม่มีรูเปิดเรียก สิวหัวขาว ถ้ามีรูเปิดที่ผิวหนังมองเห็นเป็นจุดดำอยู่ตรงกลางเรียกสิวหัวดำ นอกจากนี้อาจเกิดเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แดงๆ อาจเห็นเป็นตุ่มหนอง ,หรือตุ่มนูนแข็งเม็ดโต หรือตุ่มแดงอักเสบแบบถุงซีสต์ที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง สิวที่สร้างความวิตกมากคือ สิวบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่พบบ่อย ในบางรายอาจเกิดบริเวณ คอ , หลัง, อก, สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ฮอร์โมนเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันโตเต็มที่ผลิตน้ำมันมากขึ้น ท่อของต่อมไขมันหนาตัวมีการอุดตัน น้ำมันระบายออกไม่ได้คั่งค้างอยู่ภายใน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณนี้แบ่งตัวเพิ่มขึ้น ย่อยสลายไขมันทำให้เกิดความระคายเคือง และท่อต่อมไขมันแตกออก กรดไขมันออกสู่บริเวณข้างเคียงเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น ความรุนแรงของสิวแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายเป็นมากบางรายเป็นน้อย สิวอักเสบอาจกำเริบได้ในช่วงมีความเครียด เช่น อดนอน หรือในผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือน นอกจากนี้การบีบแกะสิว จะกระทบกระเทือนและนำเชื้อโรคเกิดการอักเสบมากขึ้น และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นเมื่อสิวหายแล้วสิวแบ่งเป็น 2 ชนิด1.สิวไม่อักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน (COMEDONE) แบ่งเป็น 2 ชนิด 1.1 สิวหัวปิด เห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ หัวขาว ๆ 1.2 สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ 2.สิวอักเสบ คือสิวที่หัวแดง ๆ หรือ เป็นหนอง พวกนี้ก็คือ (COMEDONE) ที่มีการติดเชื้อ(BACTERIA) แทรกซ้อน ดังนั้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และการป้องกันไม่ให้มีการอุดตันที่รูขุมขน (COMEDONE) โดยการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในตอนกลางวัน ก็พอจะช่วยให้สิวลดลงหรือป้องกันไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ คงต้องปรึกษาแพทย์ เพราะต้องใช้ปฏิชีวนะ (กินหรือทาแล้วแต่ความรุนแรงของสิว) สิวอักเสบควรจะต้องรีบรักษา ถ้าไปแกะหรือบีบหนองออก จะเป็นรอยแผลเป็น บุ๋มตลอดไป รักษายากมาก การนอนดึกทำให้สิวเพิ่มขึ้น ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวอักเสบ อาจเป็นเพราะ 1.ร่างกายอ่อนแอ เชื้อ Becteria ในสิวทำให้มีการอักเสบมากขึ้น 2.Hormone เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะใน ผู้หญิง ตัวอย่างเช่น บางคนประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์ จะมีสิวเพิ่มขึ้น สมุนไพรที่ใช้รักษาสิวได้แก่ว่านหางจรเข้ล้างหน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออกข้อควรระวัง ต้องล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

สมุนไพรไทย : หอมแดงลดไข้หวัด


ควรรับประทานหอมแดงมากๆ เพราะช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล อาจต้องอาศัยน้ำมะนาวช่วยอีกแรง เพื่อลดอาการเจ็บคอ

สูตรอาหาร : ผัดผักสูตรกวางตุ้ง

ส่วนผสม ผักบุ้งจีน 4 ขีด ขิงดอง 30 กรัม กระเทียมสับ 3–4 กลีบ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ถั่วงอก 1 ขีดครึ่ง พริกหวานเหลืองและแดง อย่างละ 1 ลูกหั่นเป็นวง น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร วิธีทำ เด็ดใบผักบุ้งออกให้หมดเหลือแต่ก้าน นำไปหั่นเป็นท่อน พักไว้ ตั้งกระทะเติมน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ นำถั่วงอกลงผัด กลับเร็วๆ 2–3 ครั้ง เหยาะเหล้าจีน ตักขึ้นพักไว้ เติมน้ำมันอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำพริกหวานลงผัด พอสลดตักขึ้นพักไว้ เจียวกระเทียมแล้วนำผักบุ้งลงผัด เติมเกลือ พอสลด ให้ใส่พริกหวาน ขิงดอง และถั่วงอกลงไป เติมเครื่องปรุงอื่นๆ ผัดให้เข้ากัน ยกลง ตักเสิร์ฟ สรรพคุณ เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง เพราะเป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง

อาหารเพื่อสุขภาพ : หุ่นสวยด้วยน้ำกระเจี๊ยบ




สาวๆ ที่อยากมีหุ่นดี ฟังทางนี้ค่ะ น้ำสมุนไพรจากดอกกระเจี๊ยบแดง มีสรรพคุณที่น่าทึ่งอยู่หลายประการ ซึ่งล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับการควบคุมน้ำหนัก ทั้งช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับปัสสาวะ และลดการเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณอีกมากมาย คือ ช่วยคลายความตึงเครียดให้กับกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดตีบ รวมไปถึงยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วเทน้ำอัดลมในแก้วทิ้งไป แล้วหันมาดื่มน้ำกระเจี๊ยบแทนดีกว่าค่ะ เผื่อว่า summer นี้จะได้ใส่บิกินี อวดหุ่นได้อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร



กระเทียม ต้านสารพิษ



จากหลายการศึกษาวิจัย ให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือการกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหารและฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย

กินอาหารลดความอ้วน ด้วยเมนูอาหารที่ให้พลังงานต่ำ

กินอาหารลดความอ้วน ด้วยเมนูอาหารที่ให้พลังงานต่ำ เทศกาลต้อนรับปีใหม่ ปี 2552 หลายคนคงหลีกเลี่ยงงานสังสรรค์ได้ยาก เพราะช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ได้มาพบปะกันพร้อมหน้าพร้อมตา โดยเฉพาะคนในครอบครัว ญาติ พี่น้อง เพื่อน ๆ คุยไปกินไปยิ่งทำให้เจริญอาหารทานมากกว่าปกติ แต่อาหารต่อไปนี้เป็นเมนูอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ที่คุณสามารถเลือกรับประทานได้ในงานเลี้ยงค่ะ1. อาหารประเภทต้ม ให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ต้มยำกุ้งน้ำใส ต้มยำปลาช่อนน้ำใส แกงเหลืองปักษ์ใต้ แกงจืดตำลึงวุ้นเส้น แกงจืดลูกรอก แกงจืดมะระยัดไส้ ไก่ต้มฟักมะนาวดอง สุกี้ เป็นต้นให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่ เช่น กระเพาะปลา ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส วุ้นเส้นต้มยำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง เกาเหลาเลือดหมู (ไม่ใส่เครื่องใน) ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นน้ำ ขนมจีนน้ำเงี้ยว2. อาหารประเภทยำให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ส้มตำไทย ยำตะไคร้ ยำมะระ ยำผักหวาน ยำสมุนไพร ลาบไก่ พล่ากุ้ง3. อาหารประเภทนึ่ง ให้พลังงานไม่เกิน 300 กิโลแคลอรี่ เช่น เต้าหู้นึ่งทรงเครื่อง ปลานึ่งสมุนไพร ปลากะพงนึ่งมะนาว ปลาช่อนนึ่งจิ้มแจ่ว ปลาทับทิมนึ่งซีอิ้ว ปลากะพงนึ่งบ๊วย4. อาหารประเภทน้ำพริกให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกุ้งสด น้ำพริกมะขาม น้ำพริกตะไคร้ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกลงเรือ น้ำพริกกุ้งเสียบ 5. อาหารประเภทอื่น ๆให้พลังงานไม่เกิน 200 กิโลแคลอรี่ เช่น ปลากะพงลวกจิ้ม ปลาสำลีเผาไก่ตุ๋นมะนาวดอง ไข่ตุ๋นฟักทอง เมี่ยงปลาทู เมี่ยงคะน้า ที่ สำคัญอย่าคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าไม่เป็นไรหรอกกินวันนี้เยอะเดี๋ยวค่อยไปลดวันอื่นก็ได้ เพราะพอเอาเข้าจริง ๆ คุณอาจมีงานเลี้ยงหรือของกินอร่อย ๆ ในวันอื่นอีก จำไว้ว่าถ้าคุณกินมากเกินไป อย่ากิน 2 มื้อในวันนั้น ๆ เมื่อรู้ตัวว่ากินเยอะมาแล้วในมื้อที่ผ่านมา มื้อต่อไปควรลดปริมาณข้างลงหรือไม่กินข้าว แล้วเลือกกินเฉพาะกับข้าวที่มีผัก ถ้าปล่อยไปทั้งวัน น้ำหนักขึ้นแน่ ๆ

10 สุดยอดผลไม้ที่กินแล้วไม่อ้วน



ผลไม้ 10 ชนิดต่อไปนี้ จัดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ และ กินได้บ่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้มกันอีกด้วย ผลไม้ทั้ง 10 ชนิดนี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเฉลี่ย 1.9 – 10 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม โดยอะโวกาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำสุด แอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตสูงสุด


กีวี - มีสารแอกทินิดีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หัวใจแข็งแรง มะเขือเทศ - ช่วยลดความเสียงจากมะเร็งและโรคหัวใจ มะละกอ – ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน อะโวกาโด – ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ถึง 30 ชนิด สับปะรด – ช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ – เช่น สตอเบอร์รี่ แบลคเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต แครนเบอร์รี่ – ช่วยป้องกันนิ่วในไต ต้านเชื้อไวรัส ผลไม้ตระกูลส้ม – ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเส้นเลือด ผลไม้กลุ่มแตง – มีสรรพคุณสูงสุดในการล้างพิษให้กับร่างกาย แอปเปิ้ล – ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร

ลดน้ำหนักอย่างไรให้ได้ผล



ปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเป็นปัญหาที่ติดตามกวนใจสำหรับหลายๆคน เนื่องจากการที่เรามีน้ำหนักตัวที่มากจะตามมาด้วยปัญหามากมายตั้งแต่เรื่องเกี่ยวกับบคุคลิกภายนอก หรือกระทั้งโรคภัยไข้เจ็บที่มีสาเหตุมาจากไขมัน และคอเรสเตอรอล

ก่อนที่เราจะลดน้ำหนักเราควรพิจรณาถึงต้นตอของการที่ทำให้น้ำหนักของตัวเราขึ้นตลอดเวลา ซึ่งแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป เช่น 1. น้ำหนักขึ้นเนื่องจาก ทานอาหารมาก2. น้ำหนักขึ้นเนื่องจาก ทานอาหารบ่อย3. น้ำหนักขึ้นเนื่องจาก ดื่มน้ำหวาน4. น้ำหนักขึ้นเนื่องจาก ทานขนมหวาน5. น้ำหนักขึ้นเนื่องจาก ไม่ได้ออกกำลังกาย เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุหลักเหล่านี้แล้ว เราเริ่มทำทั้งหมดพร้อมกันจะช่วยทำให้น้ำหนักเราลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนที่ใช้พฤติกรรมแบบเดิมมาเป็นเวลานาน ดังนั้นการค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจะช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น และมั่นใจได้ว่าจะไม่ล้มเลิกกลางคัน โดยอาจจะเริ่มทำข้อคิดว่าง่ายที่สุด และส่งผลต่อชีวิตประจำวันน้อยที่สุดก่อน เช่นเริ่มจากข้อ 3 หากแต่เดิมชอบทานแต่น้ำหวานอาจจะเปลี่ยนมาเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำดื่มสุขภาพที่มีน้ำตาลน้อยมากแทน หากทนไม่ไหวจริงๆ อาจจะเริ่มจากลดจำนวนลง เช่นเปลี่ยนเป็นดื่มวันเว้นวัน ก็จะทำได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายการลดน้ำหนักให้ได้ผลจะต้องกำจัดต้นตอของปัญหาน้ำหนักตัวให้ได้ทั้งหมด แล้วสิ่งที่ตามมาคือรูปร่างที่ได้สัดส่วนไม่อ้วนพลี และสุขภาพที่ดีจากร่างกายที่แข็งแรง ต่อให้ใช้เวลานานแค่ไหนก็คุ้มค่าที่จะทำครับ

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554