วันอังคารที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2553

ม่ายมีเขา...หัวใจเรา...ก้อยังเต้นอยู่...

... เรื่องของความรัก..บังคับกันไม่ได้...

ที่ผ่านมา เราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว
และเขาก็อาจพยายามรักเรามากที่สุดแล้ว
แต่เมื่อความรักจืดจางไป
เขาจะบังคับตัวเองอย่างไรได้
และเราจะบังคับเขาอย่างไรได้

... ใครจะไม่รักเราหรือไม่รักเรา ขึ้นอยู่มี่ใจเขา ไม่ว่าเราจะเอาเหตุผลใดมาอ้างก็ไม่มีทางเหนี่ยวรั้งคนที่หมดรักเราแล้ว...ให้ยังอยู่กับเราได้...
...หัวใจของคนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เป็นธรรมดา ที่ใครคนหนึ่งจะรักเราเมื่อเขาอยากรักและเดินจากไปเมื่อเขาหมดรัก…
มันไม่ใช่ความผิดของเรา ของเขา หรือของใคร...ที่ผ่านมาเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อความรักจืดจางไป เขาจะบังคับตัวเองอย่างไรได้ และเราจะบังคับเขาอย่างไรได้ ไม่มีใครไม่อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก หากเขารักเรา เขาคงยังอยู่ เพราะเขาอยู่กับเราแล้วเขามีความสุข...
เมื่อเขาพบว่า...การอยู่กับเราทำให้เขามีความทุกข์ อึดอัดใจ เบื่อหน่าย หัวใจแห้งแล้ง ไม่มีชีวิตชีวา มันก็ย่อมดีกว่า...ถ้าเขาจะเดินจากเราไป...แล้วไปตามหาคนที่ใช่มากกว่า ไปอยู่กับคนที่เขารัก สร้างวันเวลาดีๆให้กับชีวิตของตัวเอง แล้วเราล่ะ...จะไม่คิดถึงวันเวลาที่ยังเหลือของชีวิตเราบ้างหรือ...
เราบังคับใจใครไม่ได้ เหมือนกับที่เราไม่อาจบังคับใจตัวเอง เรายังรักเขาอยู่ อันนั้นก็พอเข้าใจ แต่เมื่อเขาไม่อยู่ให้เรารักแล้ว เรายังจะดื้อรั้น รักคนที่ไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตเราอีกแล้วอย่างนั้นหรือ...

...มันไม่ผิด ที่เราจะเลือกรักใครคนหนึ่ง
แต่มันคงจะผิด ถ้าเราจะกักขังใจตัวเอง
ให้อยู่กับความทุกข์ ความเจ็บปวดไปตลอดกาล...







วันเวลาที่ผ่านมา...มีค่าให้จำ ...แต่ไม่ควรทำให้เราเจ็บ...

แม้เราอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างย้อนคืนกลับมา อยากเปลี่ยนคราบน้ำตาแห่งความอ้างว้าง เสียใจ ให้เป็นรอยยิ้มแห่งความสุข ความอบอุ่นใจอีกครั้ง แต่มันคงเป็นคงเป็นไปไม่ได้ ที่สิ่งเหล่านี้จะหวนคืนมาเป็นเช่นเดิม เพราะในวันนี้...คนคนนั้นในความทรงจำของเราไม่ใช่คนเดิม...
ในช่วงเวลาแห่งความรักที่อ่อนหวาน ระหว่างเราและเขา คงมีเรื่องราวดีๆมากมายให้จดจำ เขาเคยดีต่อเราแค่ไหน เราและเขาเคยทำเพื่อกันและกันมามากเท่าไหร่...
ทุกอย่างคือภาพความทรงจำที่ดี ที่เราอยากจะจดจำ อดไม่ได้ที่จะคิดถึง คร่ำครวญถึง แต่เทื่อคิดถึงภาพเหล่านั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บ...เคยถามตัวเองว่า...การเจ็บปวด มีน้ำตากับเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว มันมีประโยชน์กับชีวิตเราอย่างไร…
จงอย่าเสียดายที่เราได้เสียเวลาร่วมสร้างสิ่งดีๆกับเขา และอย่าเสียใจที่เรืองราวเหล่านั้นต้องจบลงไป ทุกอย่างเกิดขึ้นตามวาระเวลาของมัน อะไรในโลกนี้ที่เคยดี วันหนึ่งก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้ เหมือนกับความรักของเราที่เคยหอมหวาน แต่วันนี้กลับจืดจางลงอย่างไม่น่าเชื่อ...

...ถ้าอยากจะอยู่อย่างคนมีความทรงจำ
ก็จงจำอย่างมีความสุข
หากจำแล้วทุกข์ ทรมานใจ
ก็ลืมมันไปให้หมดสิ้นเสียดีกว่า...
















...ทำไมเราต้องเสียน้ำตา...

...ถ้าน้ำตาทุกหยด กลับทำให้เรายิ่งอ่อนแอ
ยิ่งร้อง ยิ่งหมดเรี่ยวหมดแรง ยิ่งทุกข์ใจ
ก็จงหยุดร้องเสียเถอะ
เพราะว่าพรุ่งนี้ ยังมีอะไรที่เราต้องคิด ต้องทำ
หากเรายังร้องไห้ จมน้ำตาอยู่แบบนี้
จะมีแรงที่ไหน ไปดูแลชีวิตตัวเองได้...

ในชีวิตนี้ มีไม่กี่ครั้งที่เราให้อะไรกับใครฟรีๆ หรือยอมเป็นฝ่ายสูญเสีย โดยไม่ได้อะไรคืนมา แต่ครั้งนี้ เรากำลังทำเช่นนั้นอยู่ เรากำลังเสียน้ำตาให้คนที่ไม่รัก ไม่ได้แคร์เรา เรากำลังร้องไห้ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาอย่างไร้ค่า ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครแม้แต่จะมองเห็น
เขาอาจรับรู้ว่าเราเจ็บปวด แต่เขาก็ช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเราไม่ได้ อย่างดีที่สุด...เขาก็แค่ยืนมองเราร้องไห้ แล้วกระซิบบอกกับตัวเองว่า...อย่างไรก็ตาม กับคนคนนี้ เราก็ให้ได้เพียงแค่ความสงสาร แต่ไม่ใช่ความรัก ความห่วงใยอาทร เหมือนที่เคยมี...
...ทุกวินาทีที่ร้องไห้ เราได้อะไรนอกจากความเจ็บปวด
น้ำตาที่รินไหลลงมา จะมีค่าตรงไหน
ถ้าคนที่เราร้องไห้ ไม่ได้อยู่เคียงข้างเราตรงนี้...
ถ้าน้ำตาทุกหยดที่เรากลั่นออกจากสองตา ทำให้เราเข้มแข็งมากขึ้น ก็จงร้องไปเถอะ ร้องให้มากๆจะได้เข้มแข็งไวๆ

...แม้เราจะร้องไห้ให้เขามากเท่าไหร่
ก็ไม่ได้อะไรกลับมา
เพราะบางอย่างก็ใช้น้ำตาแลกไม่ได้
เฉกเช่นความรัก...








เจ็บจนตาย...ถ้าตัดไม่ขาด

ความรักนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแก้วร้าว
แต่มันเป็นเพียงแก้วที่แตกไปแล้ว
ทำอย่างไรก็ไม่มีทางประสานให้กลับคืนมาได้ใหม่
ถ้าเรายังคงยึดติดกับความรัก ความเสียดาย
สิ่งเดียวที่จะได้รับกลับมา
ก็คือความชอกช้ำใจอย่างไม่มีวันจบสิ้น

เยื่อใยที่เรามีให้เขา...เป็นเหมือนเชือกหนาที่ผูกดึงเรา ไม่ให้เราหลุดพ้นไปจากขุมนรกที่เจ็บปวดขุมนี้ ถ้าเราไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาด ไม่ยอมตัดเชือกเส้นนี้ออกไปให้พ้น เยื่อใยงี่เง่าจะผูกขังตัวเราอยู่อย่างนี้ ทำให้เราต้องเจ็บ ต้องทุกข์ทรมารตลอดไป
ในวันที่เราถูกทำร้ายให้เจ็บชอกช้ำ เราตัดสินใจแล้วที่จะเดินจากมาให้ไกลแสนไกล เราเลือกแล้วที่จะหันหลังให้ทุกอย่าง ไม่หันหลังกลับไปมองความรัก ความผูกพันเก่าๆ
ไม่มีเยื่อใยให้กับความทรงจำที่โหดร้ายอีก
แต่หัวใจเรา... ทำไมยังตัดเขาไม่ได้ เรายังรัก ยังจดจำ ยังคิดถึง ยังอยากจะรู้ว่าเขาอยู่ดีไหม อยู่กับใคร คิดถึงเราบ้างไหม คำถามแห่งความทุกข์ทรมารถาโถมเข้ามาในใจเราทุกวัน บางคำถามก็ไม่มีคำตอบ บางคำถามก็มีคำตอบ แต่เป็นคำตอบที่แสนจะเจ็บปวด...
...เขาไม่ได้รักเราแล้ว และไม่อยู่ตรงนี้แล้ว นั้นคือคำตอบเดียวที่แท้จริง...

เมื่อคิดจะตัดเขาแล้ว ก็จงตัดให้ขาด
อย่าให้มันยังยื้อยั้ง คาราคาซังอยู่อย่างนี้
เมื่อใดที่หัวใจเราไม่มีภาพของเขาอีก เมื่อนั้นความทุกข์ทรมารก็จะสลายหายไป










เขามีสิทธิ์จะเป็นของใครก็ได้...เพราะเขาไม้ใช่ของเรา

เราเจ็บปวดที่เห็นเขามีคนอื่น
เพราะเราคิดว่าคนอื่นคนนั้นโชคดีที่ได้เขาไป
แต่ความจริงแล้วเราต่างหากเป็นคนที่โชคดี
ที่ได้หลุดพ้นจากคนคนนี้
และคนใหม่คนนั้นต่างหากเป็นคนที่โชคร้าย
ที่กำลังจะได้รับความเจ็บปวดเสียใจ
อย่างที่เราเคยได้รับจากเขา

เขาแค่เคยเป็นของเรามาก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ของเราแล้ว ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น และทำใจเสียดีกว่า คิดเสียว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะในโลกใบนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะเป็นของเราได้ตลอดไป
...ความรักได้จบลงไปแล้ว สิทธิ์การเป็นเจ้าของในตัวเขา วันนี้ได้หมดลงโดยสิ้นเชิง เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกำหนดชีวิตเขาได้อีก ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ออกความคิดเห็น เขาจะไปรักใคร ชอบใคร นั้นก็เป็นสิทธิ์ของเขา เขามีอิสระเต็มที่นับตั้งแต่วันที่เรื่องราวระหว่างเขาและเราได้สิ้นสุดลง แม้หัวใจเราจะยังรักและซื่อสัตย์ต่อเขาอยู่ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า...ความรักที่มั้นคงจริงแท้ของเราจะไปเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้

จะไปสนใจเรื่องราวของเขาทำไมให้เจ็บปวด
ในวันที่เราเฝ้าติดตามมองเขา เขากลับมองเราเป็นคนที่ไร้ค่า
ความรักที่ยังหลงเหลือในใจเรา เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
ยิ่งเราไปติดตามเขา สนใจเขา พยายามจะรับรู้รับฟังเรื่องราวของเขา
เราก็ยิ่งเป็นคนที่ไมมีค่า น่ารำคาญ

...ฐานะของคนที่จบความสัมพันธ์กันไปแล้ว เราไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปหึงหวงเขาอีก...

ยังมีอีกหลายคน
ที่พร้อมจะยกหัวใจให้เป็นของเรา
ปล่อยเขาไปเถอะ
แค่คนไม่มีหัวใจแค่คนเดียว


ถ้าเราไม่ใช่หนึ่งเดียวในใจ...ก็ไม่มีความหมาย


หัวใจหนึ่งดวง ไม่สามารถแบ่งให้ใครได้หลายคน
ถ้าเขาคิดแบ่งหัวใจให้คนมากกว่าหนึ่งคน
หัวใจของเขา ก็ไม่ใช่หัวใจที่แท้จริง...

...จากที่เขาเคยรักเรา มีเราคนเดียวตลอดมา วันนี้เขาไปรักคนอื่น มีคนอื่น นั้นก็บ่งบอกแล้วว่า...เราไม่อากเป็นเจ้าของหัวใจเขาอีกต่อไป...แต่รู้ทั้งรู้อย่างนั้น เราก็ยังร้องขอให้เขามาเหลียวแล แบ่งเอาเศษเสี้ยวของหัวใจที่เขาให้คนอื่นไปแล้ว กลับมาให้เราอีกครั้งหนึ่ง เพราะเราคิดว่า...การได้กอดเก็บเศษจุณหัวใจของเขา มันก็ยังดีกว่าเราต้องไม่เหลืออะไรเลย

ไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรี ขอแค่ได้มีเศษเสี้ยวความสำคัญ ไม่จำเป็นต้องมีเขาทั้งคน คี่มีครึ่งหนึ่งของความเป็นเขาก็พอแล้ว เรายอมที่จะเป็นคนที่ไร้ความหมาย ไร้ค่าที่สุด เพื่อที่จะได้เห็นว่า...เขายังวนเวียนอยู่ในชีวิต แม้ไม่ได้อยู่เพื่อสร้างความสุขให้กับเรา แค่อยู่เพื่อสร้างความทุกข์ให้กับเราก็ยังดี เคยถามตัวเองไหมว่า...สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราทำเพื่ออะไร.....

ตัวเรา หัวใจเรา และความรักของเรา
ยังมีค่าพอสำหรับคนอื่นอีกมากมายในโลกนี้
ไม่จำเป็นเลย
ที่เราต้องเอามันไปแลกกับเศษหัวใจไร้ค่าเอามันคืนมาดีกว่า แล้วเก็บรักษาไว้รอคนที่คู่ควร...

วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความหลง

ความหลง

ความรักที่มากเกินความพอดี โดยไม่สนใจความถูกผิด ไม่เปิดใจรับเหตุผลต่างๆ พัฒนาการของความรัก ความพึงพอใจในจุดจุดหนึ่งของอีกฝ่าย เมื่อคบหาแล้วก็เริ่มที่จะพิจารณาและเห็นจุดยืนของความต้องการในตัวตนของตัวเองจนเกิดเป็นความชอบในองค์ประกอบของเค้า โดยมีเรื่องของเวลานำพาและสร้างความผูกพันความคิดถึง ห่วงหาจนเกิดเป็นความรัก ที่มีความสุข หากหมดรักเมื่อไหร่ ก็ไม่มีความสุขและเมื่อรักมากๆ มากจนเกินความพอดี โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด ไม่เปิดใจรับความจริงในเหตุผลต่างๆ นั่นแหละคือ " ความหลง "แต่บางครั้งก็ตอบไม่ได้เลยว่า มันคืออะไร มันอาจจะสับสนบ้างกับความรัก เพราะเราอาจจะตอบไม่ได้เลยว่าเราชอบหรือรักเค้าที่ตรงไหน ชอบหรือรักเค้าที่อะไร เมื่อไหร่ อย่างไร จะมีก็แต่คำว่า " ความรักไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลหรือทฤษฏี รักก็คือรักห้วนๆ หากรู้ตัวรู้ว่านี่คืออะไรเค้าจะเรียกว่าความรักหรือ!! " หรือว่าความรักคือความไม่รู้กันแน่นี่ หรือความไม่มีเหตุผลกันแน่ !!

แล้วคุณหล่ะ เมื่อมีความรักแล้วรู้ตัวอยู่หรือเปล่าว่านี่คือความรักหรือความหลง รู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่ รู้ตัวอยู่หรือเปล่าว่าคุณมีความรักได้อย่างไร? เมื่อไหร่?

แล้วความรักมันจะมาหาคุณเอง เมื่อวันใด เมื่อไหร่ที่คุณมีความกังวนใจ ว้าวุ่น ครุ่นคิดถึงใครสักคน สับสน แล้วเฝ้าถามตัวเองว่าเราเป็นอะไรไปเนี่ย นั่นแหล่ะความรักมันได้เริ่มคืบคลานเข้ามาหาคุณอย่างช้าๆ

"ความรักมักเล่นแง่กับเรา เมื่อเรามีความรักมันกลับวิ่งหนี เมื่อเราอยู่เฉยๆ มันกลับมาหาเราทั้งๆ ที่เราไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ " แต่นั่นก็เป็นความรักที่เกิดจากโชคหรือดวง แต่หากวันใดโชคหรือดวงที่ว่านี้มันเลิกเล่นแง่กับเรา เราก็อย่าได้เล่นแง่กับคนที่เรารักกับความรัก กับตัวเองเลย เมื่อเกิดการผิดใจกัน ลองคิดดูสิว่ากว่าเราจะได้รับมันมากว่าเราจะพบต้องใช้อะไรไปบ้าง? ความจริงใจ เวลา ความหนักแน่ ความมั่นคง ความเชื่อใจ ความไว้วางใจ แล้วจะให้ความคิดเพียงชั่ววูบมาทำลายสิ่งดีๆ ที่ผ่านมามันไม่คุมเอาเสียเลย

" หากคิดที่จะรัก ใยต้องคิดถึงความผิดหวัง?

หากคิดที่จะรัก ใยคิดถึงผลที่ขมขื่นของมัน?



หากไม่รู้จักรัก จะรู้จักความสุขหรือ?

หากคิดแต่เรื่องความทุกข์ แล้วจะสุขได้อย่างไร?

และหากมีใจ ใยต้องสร้างกำแพงขวางกัน? หรือต้องการที่จะพิสูจน์อนุภาพของมัน...... "

เรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่ายุติธรรม หรือ คำว่าเสมอภาค

เรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่คำว่าตั้งใจ

เรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าฝืนทน มีแต่คำว่าเข้าใจ

เรื่องของความรัก -------> ไม่มีคำว่าเสียสละให้ใคร มีแต่คำว่ารัก เข้าอกเข้าใจ รู้ใจ เห็นใจ และร่วมฝ่าฟันไปด้วยกันก็พอ

ความรัก

ความรัก

ในเชิงอุดมคติคือ " ความชอบ ความพึงพอใจ ความจริงใจ ความปรารถนาดี ความหวังดี ความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ความหลงไหล ความผูกพัน ความห่วงหา ความอาทร ความเข้าใจ ความห่วงใย ความใส่ใจ ความคิดถึง ความอบอุ่น ความนุ่มนวล ความอ่อนโยน ความอ่อนแอ ความอ่อนไหว ความสุข ความเสียสละ

" ความรักในเชิงทิฐิคือ " ความหึงหวง ความเสียใจ ความผิดหวัง ความเจ็บปวด ความชิงชัง ความเกลียดชัง ความก้าวร้าว ความรุนแรง ความโกรธแค้น ความเห็นแก่ตัว

" ความรักเชิงจินตนาการคือ " การเอาตัวเองเข้าไปพิสูจน์อย่างไม่มีวันที่สิ้นสุด

" ความรักในเชิงภาษาคือ " คำที่มี 2 พยัญชนะ เริ่มจาก ร เรือ และ ก ไก่

ร เรือ คือ การเรียนรู้
ก ไก่ คือ กาลเวลา

นั่นจึงมีหมายความว่า ความรักคือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของคน 2 คน ที่มาอยู่ร่วมกัน ปรับตัวเข้าหากัน โดยมีเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์และประสานคนทั้ง 2 คน ให้เกิดความใกล้ชิดกันและเกิดเป็นความผูกพัน จนทำให้เกิดเป็นความเข้าใจ และเกิดเป็นสุขตามมา นั่นแหล่ะ " ความรัก "เหตุผล ปัจจัย ความเป็นไป ที่มาและพัฒนาการของความรักมีดังนี้

1.ความพึงพอใจ
2.ความชอบ
3.ความใกล้ชิด
4.ความผูกพัน
5.ความเข้าใจ

วันสิ้นโลก

วันสิ้นโลก

ทฤษฎีที่โด่งดังมากสุดคงต้องยกให้กับคำทำนาย ที่ว่า
โลกบูดเบี้ยวใบนี้จะแตกดับในวันที่ 21 ธ.ค. 2012
หรืออีกแค่ 5 ปีข้างหน้า...ด้วยชุดเลขสวย 212012

ทฤษฎีนี้คิดค้นขึ้นโดยชนเผ่ามายัน วันดังกล่าวถือเป็นวันสิ้นสุดปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือ ปฏิทินลำดับที่ 3 ของชาวมายัน โดยปฏิทินลอง เคาต์ เล่มล่าสุดนั้น เริ่มต้นในปี 3114 ก่อนคริสตกาล และจะดำเนินต่อเนื่องเป็น 13 รอบบักตุน (baktun) กินเวลาทั้งสิ้นราว 5,126 ปี บวกลบออกมาแล้วก็ตรงกับปี 2012 พอดิบพอดี

การเริ่มต้นของ 13 รอบบักตุน เรียกได้อีกอย่างว่า อาทิตย์ดวงที่ 5 ซึ่ง ช่วงเวลาดังกล่าวจะเวียนมาบรรจบเพื่อก่อกำเนิดดวงอาท ิตย์ครบ 5 ดวง ในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 โดยคำทำนายระบุเอาไว้ว่า ในวันนั้นโลกจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬาร ไล่เรียงตั้งแต่ภัยธรรมชาติที่จะทำลายทุกสิ่งไปจนถึง สงครามอภิมหาโลกาวินาศ จนไม่มีมนุษย์คนใดมีชีวิตรอด ซึ่งอย่างหลังนี้อาจเชื่อมโยงได้กับทฤษฎีสงครามโลกคร ั้งที่ 3 ของนอสตราดามุส โหราจารย์ชื่อก้อง

สถานการณ์น่าระทึกในวันอวสานโลกข้างต้นตามจินตนาการของ อง โคลด โคเวน นักเขียนหนังสือแนวอภิปรัชญาชาวฝรั่งเศส บรรยายว่า ให้นึกถึงภาพตัวเองอยู่ในสถานีรถไฟอันแออัดตอนเช้า แล้วทันใดนั้นก็เกิดเหตุโกลาหลครั้งใหญ่ทั้งธรรมชาติ แปรปรวนและระบบ คอมพิวเตอร์หรือระบบควบคุมการทำงานของเครื่องจักรเคร ื่องยนต์ต่างๆ ขัดข้อง จนเป็นเหตุให้ขบวนรถไฟในชานชาลาพากันวิ่งออกไปคนละทิ ศ คนละทาง คล้ายกับซี่วงล้อเกวียน

ในสถานการณ์อันเลวร้ายเช่นนั้นยังกดดันให้คุณจำเป็นต้องเลือกขึ้นรถไฟสัก ขบวน อย่างน้อยก็ยังรอดจากการโดนรถไฟทับตาย แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่คุณไม่มีทางรู้เลยว่า รถไฟขบวนที่หลับหูหลับตาขึ้นไปนั้นจะพาคุณไปไหน

น่าแปลกที่นอกจาก 212012 จะเป็นวันสุดท้ายของปฏิทินชนเผ่ามายันแล้ว ยังมีข้อมูลทาง ดาราศาสตร์ที่ระบุไว้ว่า จะ เกิดพลังงานลึกลับที่จะเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล โดยในเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในช่วง ฤดูหนาวของปี 2012 นั้น ดวงอาทิตย์จะอยู่ในระนาบเดียวกับใจกลางของทางช้างเผื อกเป็นครั้งแรกในรอบ 2.6 หมื่นปี ซึ่งหมายความว่า พลังงานทุกประเภทจากใจกลางของทางช้างเผือกจะถาโถมและ เกิดการปะทะกับพลังงาน ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นของโลกในวันที่ 21 ธ.ค. 2012 เวลา 23.11 น. (11.11 pm ตามเวลาสากล)

สมมติว่า มีมนุษย์เหลือรอดบนโลก ก็ไม่อาจรู้ว่าจะจำตัวเองได้หรือไม่ เนื่องจากพลังงานทั้งหลาย แหล่ข้างต้นจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ ดีเอ็นเอ นำมาซึ่งการกลายพันธุ์ หรือสรุปคร่าวๆ ได้ว่า ถึงตอนนั้นโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง คนที่รอดต้องดิ้นรนสร้างสิ่งต่างๆ นับจากศูนย์

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลทางธรณีวิทยาที่ชี้ว่า ปี 2012 คือปีที่ซูเปอร์โวลคาโน หรือภูเขาไฟใต้น้ำครบกำหนดเวลา 7.4 หมื่นปีที่จะทำลายหรือระเบิดตัวเอง โดยสัญญาณเตือนภัยครั้งล่าสุด คือ โศกนาฏกรรมคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2004 ที่บอกให้ชาวโลกรู้ว่า โครงสร้างพื้นผิวโลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และการระเบิดของซูเปอร์โวลคาโนอาจไม่ใกล้ไม่ไกลบริเว ณที่เคยเกิดสึนามิมา ก่อน

และเป็นที่น่าสังเกตว่า ระยะหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหว ดินถล่ม และน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบเหือดแห้งบ่อยครั้งทั่วโลก เป็นไปได้ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่าโครงสร้างของพื้นผิวโลกกำลังขยับและเปลี่ยน แปลงตัวเองโดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว

ในขณะนี้กระแสเรื่อง 2012 มาเเรงมาก อีกทั้งตอนนี้มีภาพยนตร์เรื่อง 2012 วันสิ้นโลกด้วย
เเล้วยิ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อ ทอล์คออฟเดอะทาวด์เลยก็ว่าได้ค่ะ
ใครที่ไปดูภาพยนตร์เรื่อง 2012 มาเเล้วคงจะรุ้สึกกลัวไม่น้อยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง
นัน้จะเป็นจริงหรือไม่ ? หรือเป็นเพียงเรื่องเล่าเพียงเท่านั้น

พวกเราชาวลูกสยามไปดูมาเเล้วค่ะ สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ รุ้สึกลุ้นตลอดทั้งเรื่องเลยคุ้มค่า
เงินจริงๆ ไม่เสียดายตังค์เลยค่ะ
มันก็ไม่แน่นะคะอีกไม่นานพวกเราอาจจะได้ย้ายไปอยู่แถบทวีปแอฟริกาก็เป็นได้ กำลังหา
วิธีไปแถวนั้นอยู่ค่ะ ฮ่าๆ ๆ เผื่อจะรอด ไม่มีเงินซื้อตั๋วขึ้นเรือ นี่นา..
หนังเรื่องนี้ดูเเล้วประทับใจจริงๆ ได้รู้ซึ้งถึงความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ครอบครัวเป็นสิ่งที่
สำคัญสำหรับเราจริงๆ ไม่ว่ายังไงครอบครัวมาก่อนเสมอ
อีกอย่างค่ะ..ปลื้มประธานาธิบดีสหรัฐมากมายย ถึงมันจะเป็นแค่หนังก็ตาม
ชีวิตจริงอาจจะไม่เลือกเช่นนั้นก็เป็นได้ ใครจะรู้ ?
คุยมายืดยาว...ออกไปทะเลไปถึงเรื่องหนัง 2012 เลย ที่จริงจุดประสงค์ของเรื่องนี้ที่พวก
เราชาวลูกสยามเอามานำเสนอคือ . .. . เราไม่รู้หรอกค่ะว่าเราจะตายวันไหน จะเกิดอะไรขึ้นในวัน
ข้างหน้า โลกจะถล่ม เกิดสึนามิยักษ์ หรืออะไรก็ตาม เราอยากให้ทุกคนรีบๆทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ทำในสิ่งที่ดีๆ ไว้มากๆ พอเวลาเราจะไปจริงๆเราจะได้ไม่รู้สึกเสียดายว่า..ทำไมวันนั้นเราไม่ทำแบบ
นั้น ... ทำไมเราไม่ทำแบบนี้ ? ถึงเวลานั้นเเล้วมันสายไปแล้วค่ะ เราจะย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีก
เเล้ว. .. .รีบๆทำสิ่งดีๆให้กับคุณและคนที่คุณรักนะคะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป